เป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะกล่าวว่า บริษัทที่เป็นสุดยอดของการบริหารองค์กรที่ดี ก็จะเป็นผู้นำด้าน supply chain และการสร้างกำไรด้วย
อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มบริษัทที่อยู่ใน 25 อันดับสุดยอด supply chain ก็จะถูกจัดให้เข้าอยู่กลุ่มบริษัทของ Fortune 500 ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องของการสร้างกำไรได้สูงสุด แต่แท้ที่จริงแล้วหากพวกเขาไม่สร้างเครือข่าย supply chain ที่เข้มแข็งให้กับตนเองแล้ว กลุ่มบริษัทเหล่านี้ก็จะไม่สามารถมายืนในจุดนี้ได้ โดยแสดงให้เห็นว่าถึงแม้คุณจะผลิตสินค้าได้ดีเพียงใด หากคุณไม่สามารถส่งสินค้าคุณข้ามโลกไปยังลูกค้า หรือรับทราบความต้องการของลูกค้าที่แท้จริงได้นั้นก็อาจไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
บริษัท Apple ยังได้ชื่อว่าเป็นสุดยอด supply chain ของโลกประจำปี 2009 อยู่ และจัดอยู่ในอันดับที่ 56 ของ Fortune 500 ซึ่งก่อนหน้านี้ สินค้าของ Apple จัดทำขึ้น เพื่อขายภายในประเทศ โดยใช้เครือข่าย supply chain ที่มีความเข้มแข็งและกระตือรือร้น ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ที่อยู่ใน iPhone และ iPod ถูกผลิตขึ้นในประเทศสิงคโปร์และไต้หวัน ก่อนจะนำมาประกอบเป็นสินค้าสำเร็จที่ประเทศจีน ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าสินค้า iPhone กว่า 4 รุ่นล้วนแต่ถูกผลิตขึ้นจากต่างประเทศ และใช้วิธีนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศเป็นจำนวนหลาย ซึ่งอาจจะมากกว่าการเดินทางระหว่างประเทศที่แต่ละคนเคยเดินทาง
บริษัท Apple ไม่ใช่บริษัทด้าน IT เพียงบริษัทเดียวที่มี supply chain สลับซับซ้อน แต่ทั้งนี้ยังรวมถึงบริษัท Dell (5), Samsung Electrics (7) , IBM (8), Research in Motion (9), Microsoft (12) , Hewlett-Packard (15), Intel(18) และ Nokia (19) ด้วย
Wal-Mart ห้างค้าปลีกสไตล์ Modern Trade ที่ถูกยกย่องเรื่อง Low Price มาเป็นเวลานาน และถูกจัดอยู่ในหนึ่งในสี่บริษัทมี supply chain ดีที่สุดในโลก ซึ่งหากพิจารณาแล้วเรื่อง supply chain สำหรับ Wal-Mart อาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของบริษัท โดยในหลายปีที่ผ่านมาห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แห่งนี้ได้ประกาศแผนที่จะลดปริมาณการเรือนกระจกมากว่า 20 ล้านตัน ตลอดทั้ง supply chain ในปี 2015 ซึ่งเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากถนนจำนวน 3.8 ล้านคันในเวลา 1 ปี ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 1 ในสามของรถยนต์ทั้งประเทศไทย(รถยนต์ภายในประเทศไทย สิ้นสุดปี 2553 มีประมาณ 10 ล้านคัน) นอกจากนี้บริษัทยังถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของ Fortune 500 ด้วย โดยสามารถรายได้มากขึ้นกว่าจากปีก่อนเป็น 14.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ( 4.63 แสนล้านบาท) จัดอยู่ในอันดับ 3 ของบริษัทที่สามารถสร้างกำไรได้มากที่สุดของโลก
นอกจากนี้บริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่ บริษัทเครื่องดื่ม PepsiCola (5) และบริษัท Coca-Cola (13) ตามด้วยบริษัทซื้อขายสินค้าบนอินเตอร์เนท Amazon.com (10) และบริษัทอุปกรณ์กีฬา Nike (16)
รวมสุดยอดกลุ่ม supply chain ของโลกประจำปี 2010 ดังนี้
1. Apple Industry: Computer Hardware
CEO: Steve Jobs Fortune 500 Ranking: 56
CEO: Steve Jobs Fortune 500 Ranking: 56
2. Procter & Gamble Industry: Consumer Goods
CEO: Bob McDonald Fortune 500 Ranking: 22
No. 4 Most Profitable Company (2009 profits: $13.4 billion)
CEO: Bob McDonald Fortune 500 Ranking: 22
No. 4 Most Profitable Company (2009 profits: $13.4 billion)
3. Cisco Industry: Computer Networking
CEO: John Chambers Fortune 500 Ranking: 58
CEO: John Chambers Fortune 500 Ranking: 58
4. Wal-Mart Stores Industry: Retail
CEO: Mike Duke Fortune 500 Ranking: 1
No. 3 Most Profitable Company (2009 profits: $14.3 billion)
CEO: Mike Duke Fortune 500 Ranking: 1
No. 3 Most Profitable Company (2009 profits: $14.3 billion)
5. Dell Industry: Computer Systems
CEO: Michael Dell Fortune 500 Ranking: 38
CEO: Michael Dell Fortune 500 Ranking: 38
6. PepsiCo Industry: Food, Beverages
CEO: Indra Nooyi Fortune 500 Ranking: 50
CEO: Indra Nooyi Fortune 500 Ranking: 50
7. Samsung Electronics Industry: Consumer Electronics
CEO: Lee Yoon-woo Fortune 500 Ranking: N/A
CEO: Lee Yoon-woo Fortune 500 Ranking: N/A
8. IBM Industry: Computer Systems
CEO: Samuel J. Palmisano Fortune 500 Ranking: 20
9. Research in Motion Industry: Telecommunications (Black Berry)
Co-CEOs: Mike Lazaridis, Jim Balsillie Fortune 500 Ranking: N/A
Co-CEOs: Mike Lazaridis, Jim Balsillie Fortune 500 Ranking: N/A
10. Amazon.com Industry: Online retail
CEO: Jeffrey Bezos Fortune 500 Ranking: 100
CEO: Jeffrey Bezos Fortune 500 Ranking: 100
11. McDonalds Industry: Fast Food
CEO: James Skinner Fortune 500 Ranking:108
CEO: James Skinner Fortune 500 Ranking:108
12. Microsoft Industry: Computer Systems
CEO: Steve Ballmer Fortune 500 Ranking: 36
No. 2 Most Profitable Company (2009 profits: $14.6 billion)
CEO: Steve Ballmer Fortune 500 Ranking: 36
No. 2 Most Profitable Company (2009 profits: $14.6 billion)
13. Coca-Cola Industry: Food, Beverage
CEO: Muhtar Kent Fortune 500 Ranking: 72
No. 18 Most Profitable Company (2009 profits: $6.8 billion)
CEO: Muhtar Kent Fortune 500 Ranking: 72
No. 18 Most Profitable Company (2009 profits: $6.8 billion)
14. Johnson & Johnson Industry: Healthcare
CEO: William C. Weldon Fortune 500 Ranking: 33
No. 10 Most Profitable Company (2009 profits: $12.3 billion)
CEO: William C. Weldon Fortune 500 Ranking: 33
No. 10 Most Profitable Company (2009 profits: $12.3 billion)
15. Hewlett-Packard Industry: Computer Systems
CEO: Léo Apotheker Fortune 500 Ranking: 10
No. 17 Most Profitable Company (2009 Profits: $7.7 billion)
CEO: Léo Apotheker Fortune 500 Ranking: 10
No. 17 Most Profitable Company (2009 Profits: $7.7 billion)
16. Nike Industry: Clothing
CEO: Mark Parker Fortune 500 Ranking: 124
CEO: Mark Parker Fortune 500 Ranking: 124
17. Colgate-Palmolive Industry: Personal Products
CEO: Ian Cook Fortune 500 Ranking: 151
CEO: Ian Cook Fortune 500 Ranking: 151
18. Intel Industry: Computer Systems
CEO: Paul Otellini Fortune 500 Ranking: 62
CEO: Paul Otellini Fortune 500 Ranking: 62
19. Nokia Industry: Telecommunications
CEO: Olli-Pekka Kallasvuo Fortune 500 Ranking: N/A
CEO: Olli-Pekka Kallasvuo Fortune 500 Ranking: N/A
20. Tesco Industry: Retail
CEO: Sir Terry Leahy Fortune 500 Ranking: N/A
CEO: Sir Terry Leahy Fortune 500 Ranking: N/A
21. Unilever Industry: Conglomerate
CEO: Paul Polman Fortune 500 Ranking: N/A
CEO: Paul Polman Fortune 500 Ranking: N/A
22. Lockheed Martin Industry: Aerospace
CEO: Robert Stevens Fortune 500 Ranking: 44
CEO: Robert Stevens Fortune 500 Ranking: 44
23. Inditex Industry: Fashion, Retail
CEO: Pablo Isla Fortune 500 Ranking:
CEO: Pablo Isla Fortune 500 Ranking:
24. Best Buy Industry: Retail
CEO: Brian Dunn Fortune 500 Ranking: 45
CEO: Brian Dunn Fortune 500 Ranking: 45
25. Sclumberger Industry: Oilfield Services
CEO: Andrew Gould Fortune 500 Ranking: N/A
CEO: Andrew Gould Fortune 500 Ranking: N/A
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัท Toyota ไม่ติดอันดับ 1 ใน 25 ประจำปี 2010 ทั้งที่ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทติดอันดับ 1 ใน 10 มาโดยตลอด นอกจากนี้บริษัทด้านคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร ยังครองตำแหน่งใน 25 แรกเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเทียบกับปี 2007 - 2009 บริษัทส่วนใหญ่ที่ติด 25 อันดับแรกยังค่อนข้างคละกันระหว่างสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร ร้านค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งชี้ให้เห็นว่ายุคของบริษัทคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร ยังคงมีบทบาทเป็นอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของ supply chain โลก
และในปี 2011 นี้ยังคงต้องดูต่อไปว่าหลังจากเริ่มยุคของ Social Media อย่างจริงจังแล้ว เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นกับ supply chain ของโลกบ้าง และอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เคยติดอันดับ 25 supply chain โลก จะสามารถกลับเข้าสู่วงจรนี้อีกได้หรือไม่ ?